เอาล่ะครับ รอบที่แล้วเกริ่นไปพอสมควร คราวนี้มารับข้อมูลกันต่อนนะครับ
เกรดพิเศษมาจากไหน ?… ปลาเกรดพิเศษมีที่มาหลายอย่าง แล้วก็หลายชั้นด้วย อย่างถ้าเป็นชั้นสูงสุดก็คือลูกปลาที่มาจากตระกูลพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ชั้นดี (คือสวยพิเศษมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ) อย่างเช่นถ้าเป็นทองมาเลย์ก็จะสีเกล็ดที่เงางามอร่ามตา เกล็ดเปิดข้ามหลังหมด หัวทอง แก้มทอง หรือถ้าเป็นปลาแดงก็จะแดงเถือกไม่เลือกที่ แดงจัดแดงชัดเจนโดยไม่ต้องส่องแสงไฟอะไรประมาณนี้ครับ ลูกปลาที่เกิดปลาประเภทนี้จะถูกคัดแยกออกต่างหากจากกลุ่มอื่นๆ เพราะถือเป็น “เกรดพิเศษสายตรง” ที่มีคุณภาพสูงสุด พวกสายนี้แหละครับที่มีราคาเสนอขายสูงเกินเอื้อม (ปลาสายนี้สังเกตได้จาก “ลักษณะของตัวปลา” และ “เลขที่ของ Generation” หรือ “รุ่น” ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็น F3 ขึ้นไป)
นอกจากเกรดพิเศษสายตรงแล้ว ก็มีพวกลูกปลาจากพ่อแม่ปลาที่มีความสวยของสายพันธุ์ตามปกติ กล่าวคือลูกปลาของทองมาเลย์หรือปลาแดง Super Red ธรรมดาๆ ที่มีความโดดเด่นเหนือลูกปลาตัวอื่น (เรียกว่า “ปลาหัวล๊อท” ซึ่งในคลอกหนึ่งจะมีอยู่ไม่มาก) หรืออาจจะมีหน้าตาที่ละม้ายคล้ายคลึงกับพวกเกรดพิเศษโดยในลูกปลาแดงจะสังเกตจากสีสัน และการเปิดของเกล็ดในทองมาเลย์ ปลาคัดพวกนี้แม้แรกเริ่มจะไม่ได้เลิศเลอเพอเฟ็คเหมือนกับลูกปลาในเกรดพิเศษสายตรง แต่ก็เรียกว่าสวยไม่เบา และบางทีหากได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจะเหนือชั้นกว่าก็เป็นได้ ไม่ว่าจะทั้งทองมาเลย์หรือปลาแดง
พิเศษด้วยการ “ใช้เทคนิค” ก็มีเช่นกันนะครับ ตัวอย่างเช่น การนำลูกปลาทองมาเลย์ไปเลี้ยงในตู้ขาว และใสรอบด้าน แล้วใช้หลอดไฟที่ให้แสงสีขาวนวลหรือออกเหลืองตลอด 24 ชั่วโมง ให้อาหารผสมวิตามิน มีการเปลี่ยนน้ำอย่างสม่ำเสมอ ด้วยวิธีนี้จะเป็นผลให้ตัวปลามีความสมบูรณ์ เนื้อสีของเกล็ดกลายเป็นมัน เงา และแวววาวมากขึ้น ที่สำคัญก็คือเกล็ดเปิดสูงขึ้นด้วย ส่วนถ้าเป็นปลาแดงก็อาจจะเข้าสูตรหมักน้ำใบหูกวาง หรือ Black Water ให้อาหารจำพวกพิเศษ (ผสมวิตามินหรืออาหารหายากชนิดอื่นๆ) แล้วให้แสงแดดตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะช่วยทำให้สีปลาดีขึ้น แดงขึ้น ในกรณีที่พ้นช่วงเวลาของแสงแดดแล้วก็จะใช้แสงแดดเทียมจากหลอดไฟเป็นตัวกระตุ้นแทน วิธีนี้สามารถใช้กับปลาได้ทุกชั้นไม่ว่าจะเป็นเกรดธรรมดา ปลาคัด และปลาเกรดพิเศษสายตรง หากตัวไหน “ปั้นขึ้น” ก็อาจมีสิทธิ์ Upgrade ตัวเองขึ้นมาอีกขั้นได้… และแน่นอนครับ แม้แต่ระดับสูงสุดอย่าง “เกรดพิเศษ” สายตรงก็อาจจะกลายเป็น “สุดพิเศษ” หรือ “พิเศษแบบสุดๆ” ก็เป็นได้ !
แล้วก็พิเศษจาก “ที่มา” ของตัวปลา… อย่างในเวลานี้ก็เช่นในปลาแดงที่มาต้นกำเนิดเดิมคือประเทศอินโดนีเซียไงล่ะครับ ที่นั่นเขาไม่มีแบ่งเกรดแบ่งชนชั้นเหมือนกับในสิงคโปร์และมาเลย์เซีย สวยไม่สวยใบรับรองสายพันธุ์ระบุชื่อเหมือนกันหมด (จะแตกต่างก็ตรงที่ “รุ่น” คือยิ่ง F เยอะก็จะยิ่งแพง) แต่พอมาบ้านเรากลับมีราคาแพงเหลือเชื่อ โดยยังยึดติดกับความคิดที่ว่าปลาแดงจากอินโดจะต้องแดงทุกตัว เพราะเป็นของแท้ เป็นเกรดส่งญี่ปุ่น (ที่ไม่มีทางหลุดเข้ามาในบ้านเราได้) ใครได้ไปหลับตาเลี้ยงยังแดง ! ดังนั้นปลาแดงที่มาจากอินโด (ในช่วงแรก) ในบ้านเราจึงถูกเรียกเป็นปลาเกรดพิเศษด้วยเช่นกันเพราะ… มันไม่ธรรมดา (แต่แปลกใจมั้ยครับที่ “ทองมาเลย์” เกรดธรรมดาที่ไมได้ถูกแบ่งชั้นอะไรจากประเทศต้นกำเนิด “มาเลเซีย” ยังไม่เห็นมีใครให้ความสำคัญขนาดนั้นเลย ???)
ราคาเป็นยังไง ?… ราคาของปลาเกรดพิเศษนั้นก็มีหลายระดับ ขึ้นอยู่กับเกรดของตัวปลา และฟาร์มที่เพาะพันธุ์ ตัวอย่างเช่น เปรียบเทียบกันในทองมาเลย์เกรดธรรมดาๆ ตัวเล็กซัก 4-5” ตัวนึงตอนนี้เปิดราคากันที่ 3x,xxx – 45,xxx บาท ถ้าเป็นปลาคัดพิเศษหรือหัวปลาจะกลายเป็น 5x,xxx – 6x,xxx บาท (พวกที่เกล็ดเงางามกว่า เปิดสูงกว่า เกล็ดละเอียดเริ่มมา) แล้วถ้ากลายเป็นเกรดพิเศษตามที่ระบุในเซอร์ก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีกเป็น 6x,xxx – 1xx,xxx บาท (ตามที่ได้กล่าวไปแล้วปลาพวกนี้ส่วนใหญ่จะมีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย คือไม่น้อยกว่า 7 นิ้ว เพื่อให้เห็นความพิเศษได้อย่างชัดเจนอย่างเช่น เกล็ดระเอียดเปิดหมด สีเข้ม เนื้อเกล็ดเงางาม เกล็ดแถว 5 เปิดเต็มและกำลังจะเริ่มเปิดข้ามหลังมาบ้างแล้ว) ส่วนที่ราคาสูงกว่านี้ก็จะเป็นพิเศษมากๆ อย่าง “ชื่อที่ปรากฏในใบรับรองสายพันธุ์” ยิ่งหรูก็จะยิ่งแพง บางทีเปิดราคาสูงกันเป็นแสนๆ เลยทีเดียว แต่ต้องดูให้ดีนะครับ ลักษณะความพิเศษของตัวปลากับชื่อของมันก็ควรจะสัมพันธ์กันด้วย ไม่ใช่แตกต่างกันราวฟ้าดิน… “ปลาห่วย แต่ชื่อเพราะ แล้วแพง” อะไรประมาณนี้มันก็ไม่น่าซื้อ
ในปลาแดง เกรดธรรมดาตัวเล็กๆ ก็ประมาณ 35,000-40,000 บาท พอมาเป็นพวกปลาคัดหรือปลาที่มาจากฟาร์มชั้นสูงหน่อย (เช่น Emperor Red ของ Rainbow และ Super Red จาก King Kong หรือ Chili Red จาก Dragon Fish Industry) ราคาก็จะสูงขึ้นเป็นหลัก 4 ตั้งแต่ 4 ต้นๆ ไปจน 4 ปลายๆ ในปลาขนาดไม่เกิน 5”… แต่พอมาเป็นเกรดพิเศษที่เผยให้เห็นความแดงอย่างชัดเจนแล้วไม่ว่าจะเป็นแก้ม ปาก หนวด สีครีบ การการตัดขอบของเกล็ด ราคาจะสูงขึ้นจนเกือบ 2 เท่าคือประมาณ 7x,xxx บาทครับ ในขนาดประมาณ 8”
ส่วนราคาปลาแดงที่มาจากประเทศต้นตำหรับนั้นส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับชื่อฟาร์มที่เพราะพันธุ์และ Generation ด้วย ที่มาบ้านเราก็มีแต่ตัวเล็กๆ แต่ว่าราคาไม่เล็กนะครับ แค่ไม่เกิน 4” ราคาเปิดสูงกันถึง 4-5 หมื่นปลายๆ ทั้งที่ยังไม่เห็นอะไรเลย ซื้อลุ้นเอาว่างั๊น ราคาที่ว่าไปนั้นสำหรับฟาร์มธรรมดาๆ เท่านั้น ถ้าเป็นฟาร์มชั้นสูงอย่างพวก PT. Munjul Ultima ที่ว่ากันปลาแดงเขามีคุณภาพสูงที่สุดนั้น ตัวเล็กๆ นี่คุยกันที่ 7-8 หมื่นบาทเลยทีเดียว ส่วนปลาใหญ่ไม่ต้องถามถึงครับ ไม่มีใครกล้านำเข้ามาขายเพราะแพงมาก (ปลาใหญ่ขายตามรูปที่ถ่ายมา หรือตามหนังสือปลาจากต่างประเทศ) แต่ถ้ามีใครใจถึงต้องการซื้อหามาไว้ในครอบครอง ทางร้านก็จะจัดหาให้ตามคำสั่งซื้อ
เกรดธรรมดาจะสู้เกรดพิเศษได้ไหม ?… ตามที่ได้กล่าวไปแล้วว่าเมื่อก่อนนั้นไม่มีการแบ่งแยกอันไหนพิเศษ ? อันไหนธรรมดา ? จะมีก็แค่ว่า “สวย” หรือ “ไม่สวย” เท่านั้น และเป็นการแยกเองโดยร้านค้าไม่เกี่ยวกับทางฟาร์มผู้เพาะพันธุ์ และเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่ มาช่วงหลังๆ นี่เองที่มีการแบ่งแยกอย่างชัดเจนไม่ว่าจะด้วยตัวปลาหรือการระบุชื้อชี้ชัดในใบรับรองสายพันธุ์… สิ่งที่ผมจะบอกก็คือปลาเกรดพิเศษในวันนี้ก็คือ “ธรรมดา” ในดดีตแหละครับ ผมและผู้รู้หลายท่านมีความเห็นตรงกันว่าเกรดพิเศษในสมัยนี้ไม่ได้สวยสดงดงามไปกว่าทองมาเลย์สายเก่าๆ ในอดีตเลย ดีไม่ดียังสวยสู้ไม่ได้อีกด้วย แต่ที่ “เกรดพิเศษ” เข้ามาก็เพราะเหตุผลทางการตลาดซึ่งยากที่ผู้เลี้ยงเป็นงานอดิเรกอย่างเราๆ จะเข้าใจกลไกการทำเงินอย่างนี้ เอาเป็นว่าสายพันธุ์ปลาในตลาดตอนนี้ยุ่งเหยิงกว่าแต่ก่อนมากก็แล้วกัน
คราวนี้มาถึงคำตอบของคำถามหลักดีกว่า… เกรดธรรมดาจะสู้เกรดพิเศษได้ไหม ? แม้ข้อมูลจะบอกว่าลูกปลาของฟาร์มได้มีการถูกแบ่งแยกอย่างมืออาชีพตั้งแต่เล็กๆ แล้วว่าตัวไหนเป็นหัว ตัวไหนเป็นหาง ตัวหัวก็ทำหน้าที่เป็นปลาแววดีมีอนาคตต่อไป ตัวหางก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นห่วยเป็นปลาไร้อนาคต เพียงแต่มันจะสู้ของที่ “คัดแล้ว” ได้ยังไง ?… แต่ว่าท่านผู่อ่านครับ ปลาเป็นสิ่งมีชีวิต แน่นอนว่าไม่มีอะไรที่บ่งบอกชัดเจนในสิ่งมีชีวิตเล็กๆ เหล่านี้ ? บางทีปลาพิเศษอาจหยุดความพิเศษของตัวเองเมื่อไหร่ก็ได้ หรือบางทีปลาธรรมดาอาจจะแปลงโฉมตัวเองกลายเป็นอีกตัวที่สวยผิดหูผิดตาอย่างไม่น่าเชื่อ ดูแล้วไม่ต่างกับเกรดพิเศษเลยก็มีไม่น้อย ทั้งนี้อยู่ที่ “การเลือกซื้อ” การมี “พื้นฐานความรู้” เพียงพอ และ “ดวง” ที่มาแบบเฮงๆ หน่อย ที่สำคัญก็คือ “การเลี้ยงดู” อย่างถูกวิธี… หากคุณมีทั้งหมดนี้แล้วล่ะครับ บางทีทองมาเลย์ธรรมดาๆ ราคาไม่แพงของคุณอาจจะสวยบาดใจใครต่อใคร หรือปลาแดงราคาแค่ 3 หมื่นต้นๆ โตขึ้นมากลับแดงเสียจนเกรดพิเศษอิจฉาเลยก็เป็นได้… ใครจะรู้ ?