เอาล่ะครับ Happy Ending ไปกับเรื่องราวของเจ้าซองแดงไปแล้วคราวนี้มาดูปลาตัวต่อไปบ้าง ที่ผ่านมาเป็นเรื่องของปลาแดงคราวนี้เป็นทีของปลาทองบ้าง ผมขอเริ่มต้นด้วย “เจ้าบารมี” RTG ตัวสวยของพี่ต๊าเลยนะครับ เจ้าบารมีเป็นปลาที่พี่ต๊าเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยโดยเป็นปลาของฟาร์ม Panda ซึ่งมีชื่อระบุตามใบเซอร์ว่าเป็น Panda Gold แต่ว่าผู้ขายมักจะบอกว่าปลาของ Panda เป็น Hiback เสมอ ผมดูแล้วเจ้านี่โตขึ้นมาสีสันไม่ได้เป็น Hiback นะครับ แต่กลับเป็นทองอินโดแท้ๆ ที่สีสันเข้มจัดเพียงแต่ไม่สว่างเงางาม สีสันแบบนี้เลยนะครับที่เป็นทองอินโดดั้งเดิม เจ้าบารมีมีจุดเด่นกว่าตัวอื่นตรงที่การเปิดของเกล็ดสูงมาก เปิดจนเกือบเต็มแถวที่ 5 เห็นโตขึ้นมาสวยๆ แบบนี้เพื่อนคงอยากจะทราบราคาที่ซื้อมาแล้วสินะครับ
พี่ต๊าได้ปลาตัวนี้มาประมาณปีกว่าๆ ซึ่งราคาในตอนนั้นผมจำได้ดีว่า RTG ทั่วๆ ไปตามร้านจะอยู่ที่ 13,xxx – 15,xxx และ Hiback จะอยู่ที่ 17,xxx – 20,xxx บาท (ขึ้นอยู่กับร้านค้า ฟาร์มที่เพาะพันธุ์และขนาดของปลา) ปลาตัวนี้ทางร้านขายเป็น Hiback ครั้งแรกที่พี่ต๊าเห็นปลาที่นี่ก็ปรากฏว่ามีปลาให้เลือก 2 ตัวๆ นึงเป็นปลามีตำหนิและอีกตัวเป็นตัวสวย ราคา 17,xxx สำหรับตัวสวยและ 12,xxx สำหรับตัวมีตำหนิ แต่ไม่ทราบว่าเป็นกำหนดจากฟ้า ชะตาต้องกัน หรือสวรรค์บัญชาที่ทำให้เจ้าบารมีต้องมาอยู่กับพี่ต๊ะ เพราะวันที่เขาไปที่ร้านนี้ผู้ขายเป็นคนนอกที่มาเฝ้าร้านให้ซึ่งไม่ค่อยมีความรู้เรื่องปลาเท่าไหร่ (พี่ต๊าก็เล่าให้ฟังว่าในตอนนั้นเขาเองก็ยังไม่โปรนัก) คนขายกลับชี้บอกว่าตัวที่สวยนั้นเป็นตัวมีตำหนิ ส่วนตัวที่มีตำหนิเป็นตัวที่สวย พี่ต๊ะแปลกใจเล็กน้อยเพราะถึงแม้จะไม่โปรแต่ก็พอที่จะดูปลาออก
พี่ต๊าเริ่มวาดลวดลายใช้ลีลาลิ้นราชทูต บอกว่าตัวนี้มันมีตำหนิมากมายเลยนะทั้งนั่นทั่งนี้เต็มไปหมด 12,xxx มันแพงเกินไป (แต่ตัวเองเห็นว่าสวยตั้งแต่แรกแล้ว อิอิ) ลดหน่อยได้มั้ย ? ซักหมื่นถ้วนๆ คนขายก็ว่าเขาตัดสินใจเรื่องราคาไม่ได้เพราะเดี๋ยวเจ้าของมาจะมีปัญหา อีกอย่างนึงตัวนี้มีตำหนิก็ขายราคามีตำหนิแล้วซึ่งถูกว่าตัวอื่นๆ ตั้ง 5,000 บาท พี่ต๊ะเลยว่างั๊นเอาแบบนี้ละกัน ถ้าลดให้ซักพันนึงจะช่วยซื้อ เขาก็ยังว่าไม่ได้ ต่อรองกันไปต่อรองกันมาก็มาจบตรงที่ร้านยอมลดให้ 500 บาท ดังนั้นราคาของเจ้าบารมีตอนที่ซื้อมาจึงเป็น 11,5xx บาท ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น Hiback ที่ซื้อได้ถูกที่สุดเลยครับ
ปีกว่าๆ ผ่านไป จากปลาขนาด 5 นิ้วพอดีๆ ตอนนี้เจ้าบารมีเติบโตเป็นปลาใหญ่ขนาด 18” แล้วล่ะครับ นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่ามันถูกพี่ต๊าเลี้ยงดูอย่างดี ให้อาหารอย่างเต็มที่และเปลี่ยนน้ำทำความสะอาดสม่ำเสมอ ในวันนี้เจ้าบารมีอาศัยอยู่ในตู้ขนาดไม่ใหญ่นักแค่เพียง 60”x20”x20” แต่ก็ดูมันมีความสุขดี แต่เห็นตู้เล็กๆ แบบนี้ก็ไม่ได้อยู่แค่ต้วเดียวนะครับมีเพื่อนร่วมตู้กับเขาด้วยเช่นกันซึ่งก็คือ 4 ตะเพียนทองและ 1 ปลาสอดซัลฟินเงิน (รอดพ้นจากการเป็นปลาเหยื่อจนกลายมาเป็นเพื่อนกัน) อาหารที่พี่ต๊ะให้บารมีกินเป็นประจำก็คือ “จิ้งหรีดดำ” ซึ่งถือเป็นของโปรดและมักจะกินดีเสมอๆ จึงทำให้เพิ่มความสุขใจกับเจ้าของผู้เลี้ยง
NOTE : จิ้งหรีดดำไม่เหมาะกับปลาเล็กนะครับ เพราะเป็นจิ้งหรีดใหญ่ อ้วน หนาและแข็ง (มีขนาดตั้งแต่ 1 นิ้วขึ้นไป) หากฝืนให้ปลากินตั้งแต่ยังเล็กจะมีผลเสียหลายอย่างเช่นปากของปลาเสียรูป กรามหัก ขาจิ้งหรีดแทงทะลุปาก ตัวจิ้งหรีดจุกปาก ท้องอืด อาหารไม่ย่อยทำให้อาจถึงตายได้ ในปลาเล็กแนะนำให้ใช้จิ้งหรีดแดงหรือ “จิ้งโกร่ง” จะดีกว่านะครับ แล้วไว้ปลามีขนาดตั้งแต่ 10” ขึ้นไปจึงค่อยให้กินจิ้งหรีดดำ (จริงๆ แล้วผมอยากได้ “จิ้งหรีดขาว” นะครับแต่ว่าคงไม่ไหวเพราะเธอเป็นนักร้องดังและอยู่สูงเกินไป 5555)
เจ้าบารมีเป็นปลาที่เชื่องมากจนขนาดที่พี่ต๊ะสามารถเอามือลงไปจับลูบเล่นได้ (น่าอิจฉาก็ตรงนี้แหละครับ) และยังเป็นปลาใหญ่ที่สมบูรณ์มากด้วย เครื่องครีบใหญ่ เวลาว่ายน้ำกางเบ่งบานสง่างามมาก หุ่นทรงสวยได้ส่วนสัด หนวดยาวเป็นนิ้วและขี้ตรงไม่คดงอ ปากปิดสนิทไม่ยื่นเกยหรืองุ้มเข้าหากัน ส่วนตำหนิมีเพียงอย่างเดียวก็คือตาขวาตกเล็กน้อย จุดเด่นของเจ้าบารมีนอกจากอยู่ที่หุ่นทรงแล้วเรื่องของ “สีสัน” ยังเรียกได้ว่าเป็นสุดยอดอีกด้วย ทองเข้มจัดตัดกับสีเลือดหมูของเครื่องครีบ… เวลาเคลื่อนไหวไปมาดูแล้วช่างงามลูกตาเหลือเกินครับ
เช้าวันนี้พอเท่านี้ดีกว่า… แล้วพบกันใหม่ในกระทู้ต่อไปนะครับ