จากบทความในนิตยสาร Aqua เล่มที่ 17 นะครับ (หนึ่งในเล่มที่ขายดี มียอดขายสูงสุดในปีนั้น) – สำหรับเก็บงานเขียนใน Aro4u และเพื่อนสมาชิกที่ยังไม่เคยอ่าน รวมถึงท่านที่เห็นภาพสีไม่ครบถ้วนจุใจทุกท่านนะครับ
"มังกรหรรษา" ตอนนี้เป็นตอนที่ผมเดินทางไปเที่ยวสิงคโปร์ครั้งแรกเพื่อนในวงปลาสวยงามอีก 2 ท่าน ซึ่งมีจุดหมายในการไปงานปลา Aquarama ซึ่งถือเป็นงานประกวดปลาสวยงามที่ยิ่งใหญที่สุดในโลกงานหนึ่ง และแน่นอนว่า ก็ต้องมีปลามังกรมาฝากเพื่อนสมาชิกด้วยเช่นกัน สิ่งที่ผมจะเขียนต่อไปนี้มันเป็นของฝากเฉพาะ… เฉพาะสำหรับคนรักชอบปลามังกรอย่างเราๆ วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ไปเปิดหูเปิดตากับโลกกว้างใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น
– โลกใต้ทะเลที่ Under Water World (วันนี้จะได้เห็นปลาเก๋ายักษ์ ฉลามยักษ์ ปลากระเบนแมนต้าเรย์ และปลาอีกหลายชนิดแบบใกล้ชิดแนบสนิทเลยทีเดียว)
– การประกวดปลามังกรพร้อมชมบู๊ทฟาร์มปลาและตัวอย่างปลามังกรสายพันธุ์ต่างๆ ในงาน Aquarama (ลองไปดูการประกวดปลามังกรที่เมืองนอกบ้างว่าบรรทัดฐานการจัดการของเขาต่างกับบ้านเรายังไง ? สภาพตู้เป็นแบบไหน ? ขนาดตู้ที่ใช้ในการประกวด ? สภาพปลาเป็นยังไง ? สีสันสวยงามแค่ไหน ? แดงเป็นแดงหรือทองเป็นทองหรือไม่ ? ตัวที่ได้ตำแหน่งได้รับรางวัลสวยสมคุณค่าหรือไม่ ? หรือมีปลาสายพันธุ์ใหม่ๆ เข้ามาเปิดตัวในอีกรึเปล่า ? วันนี้ได้รู้กันครับ)
– ก่อนจะปิดท้ายด้วยการพาไป เที่ยวฟาร์ม Qian Hu (ออกเสียงว่า “เฉียน หวู่”) Trader และ Breeder ปลาสวยงามยักษ์ใหญ่แห่งสิงคโปร์ (ใครอยากทราบว่าปลามังกรที่เมืองนอกเขาขายกันที่ราคาเท่าไหร่ ? ถูกหรือแพงอย่างไร ? ขนาดปลาเล็กกระจิ๊ดริ๊ดเหมือนที่บ้านเราขายกันมั้ย ? วันนี้สิ่งที่คาใจเพื่อนๆ ตลอดมาผมมีคำเฉลยให้แน่นอนครับ)
ได้ฟังตัวอย่างแล้วเพื่อนๆ ที่สนใจก็คงอยากจะทราบกันแล้วสินะครับ ถ้างั๊นจะรีรออะไรอยู่ล่ะครับ ? พร้อมแล้วไปชมกันครับ
แม้จะเป็นบ้านใกล้เรือนเคียงกันแต่ผมก็ไม่เคยไปเที่ยวประเทศสิงคโปร์เลย เคยไปก็แต่ฮ่องกงแล้วก็ประเทศจีนเท่านั้น ทั้งที่ก็เคยได้ยินกิตติศัพท์ในเรื่องที่ดีต่างๆ ของที่นี่ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่เจริญรุ่งเรือง บ้านเมืองสะอาดสะอ้าน มีระบบความปลอดภัยสูง กฏระเบียบและมาตราต่างๆ เป็นเรื่องเคร่งครัดที่ไม่สามารถฝ่าฝืนได้จึงทำให้ผู้คนมีวินัยในตัวเอง ได้ยินมาแบบนี้แต่ก็ไม่ได้เคยได้ไปนั่นก็เพราะว่าผมไม่มีโอกาสไงล่ะครับ จริงๆ แล้วก็มีแหละเพียงแต่ไม่รู้จะไปทำไม ? แล้วที่สำคัญคือไม่รู้จะไปกับใคร ? แต่การที่ผมไปเที่ยวสิงคโปร์ครั้งนี้ผมมีจุดมุ่งหมาย ผมรู้ว่าจะไปทำอะไร ? แล้วก็มีเพื่อนไป มีเพื่อนเที่ยว
เหตุผลที่ผมตั้งหน้าตั้งตายอมเก็บเงินเก็บทองมานานนับเดือนก็เพราะอยากครับ อยากที่จะไปดูงาน Aquarama ที่นี่ ผมเคยได้ยินจากพวกผู้ใหญ่กล่าวถึงงานนี้ในสมัยที่เลี้ยงปลาใหม่ๆ ว่า “งาน Aquarama นี่ล่ะที่เป็นงานแสดงนิทรรศการปลาสวยงามที่ใหญ่ที่สุดในโลก” ได้ยินแบบนี้แล้วเด็กบ้าปลาอย่างผมก็อดใจไม่ได้ที่จะตื่นเต้น อยากรู้อยากเห็น แล้วก็บอกตัวเองว่า “สักวันหนึ่ง เราจะต้องไปเที่ยวงานนี้ให้ได้” แล้วก็หาเวลาประจวบเหมาะที่จะไปมาโดยตลอด และแล้ววันนี้ 1 ในฝันเล็กๆ ของผมก็เป็นจริงแล้วล่ะครับ วันที่ผมได้ไปดูงาน Aquarama จริงๆ ด้วยตาของตัวเอง
จากการเตรียมตัวอย่างดีหลายวัน และแล้วก็ถึงวันเดินทาง ผมไปถึงสนามบินที่ดอนเมืองแต่เช้าเลยเพื่อเข้ากลุ่มกับเพื่อนสมาชิกที่ไปด้วย ใช้เวลา Check In ประมาณ 2 ชั่วเครื่องก็ออก เดินทางอีก 2 ชั่วโมงก็ไปถึงสนามบินชางฮีที่สิงคโปร์ พอไปถึงก็มีไกด์รูปหล่อดูท่าทางใจดีมายืนโบกมือเย๊วๆ ต้อนรับกรุ๊ปทัวร์ของเรา เสร็จแล้วก็พาขึ้นรถโค๊ชแล้วก็แนะนำตัวพร้อมเกริ่นเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์เกี่ยวกับประเทศนี้ให้เราฟัง พูดเสร็จก็เริ่มพาไปเที่ยวกันเลย แต่ผมขอไม่พูดถึงว่าไปเที่ยวที่ไหนนะครับเพราะว่าไม่เกี่ยวกับปลาสวยงาม ขืนเขียนไปก็จะเปลืองเนื้อที่กระดาษเปล่าๆ เอาเป็นว่า 1 ในวันแรกของการมาเยือนประเทศสิงคโปร์มีการไปเที่ยว “โลกใต้ทะเล” หรือ Under Water World ที่โด่งดังด้วยครับ… อยากทราบว่าเป็นยังไงตามผมไปดูกันครับ
Under Water World… ช่วงเวลาหรรษากับฝูงปลาในโลกใต้ทะเล
Under Water World ตั้งอยู่ที่เกาะ Sentosa (เซนโตซ่า) ซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของประเทศสิงคโปร์ (ผมเดินทางโดยนั่งกระเช้าลอยฟ้าข้ามไปครับ) สถานที่นี้เป็นสถานที่แสดงพันธุ์ปลาทะเลแบบเสมือนจริง เพื่อให้ผู้ที่เข้าชมได้เห็นได้ศึกษาชีวิตของปลาทะเลที่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นปลาเล็ก ปลาใหญ่ ปลากินเนื้อ รวมถึงปลากระเบนตัวใหญ่เวียนว่ายไปมาอย่างสนุกสนาน ที่นี่ผมได้เห็นสัตว์ทะเลหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ปลาทะเลสวยงามแบบที่เลี้ยงกันในบ้านเรา เช่น Yellow Tang… Blue Tang… ปลาการ์ตูน (เหล่าสมาชิกของ Finding Nemo มากันหมดเลยครับ) จนมาปลาที่ไม่ค่อยได้พบเห็นเท่าไหร่นักเช่นปลาหมึก Cuttlefish เต่าทะเล ปลาไหลมอเรย์ตัวใหญ่เป็นเมตรๆ หลากชนิดหลายสายพันธุ์ แต่ละตัวดูโหด ดุดัน และน่ากลัวมากครับ (แต่ก็น่าแปลกว่าสามารถอยู่อาศัยร่วมกับปลาเล็กๆ ได้โดยไม่ทำอันตรายกัน) แล้วก็ปลานกแก้วทะเลสีฟ้าตัวใหญ่ ที่ดูเผินๆ แล้วหน้าตามันเหมือนปลา Flower Horn หมอสีหัวโหนกบ้านเราเลย จะต่างกันก็ตรงที่ตัวปลาใหญ่กว่ามากกกกกกก (ตัวมันเกือบเท่าผมแน่ะ) เห็นจอดอยู่นิ่งๆ เหมือนพร้อมจะให้ชักภาพด้วยก็เลยเอาซะหน่อย เอ้า ! แชะ แชะ แชะ !!!
เดินมาเรื่อยๆ ก็มาเจอม้าน้ำหน้าตาแปลกๆ… แบบนี้ไม่เคยเจอ สังเกตดูป้ายชื่อเห็นเขียนว่า “Leafy Sea Dragon” (ลีฟฟี่ ซี ดาร์ก้อน : มังกรใบไม้ทะเล) เป็นม้าน้ำอีกสายพันธุ์ที่เพิ่งพบเจอที่นี่ครับ สวยมากเลย เห็นแล้วก็อดเก็บภาพมาฝากเพื่อนผู้อ่านไม่ได้ แมงกระพรุนสีก็เช่นกัน ชมพูสวยสว่างนิ๊งเชียว ผมไม่แน่ใจว่าเจ้าตัวนี้มีอันตรายรึเปล่า ? แต่จากที่ได้ยินมา พวกสวยๆ สีสันน่าจับต้องอันตรายทุกตัว (แล้วยิ่งเจ้านี่ดันหน้าตาเหมือนตัวที่ผมเจอใน Finding Nemo ที่เป็นทุ่นระเบิดไฟฟ้าไงล่ะครับ เห็นแล้วก็ยิ่งเสียวใหญ่เลย) ผมได้เห็นตู้ปลาการ์ตูนน้อยๆ อีกใบ เห็นแล้วก็อดชื่นชมความน่ารักของพวกมันไม่ได้ เจ้าปลาการ์ตูนเหล่านี้มันเล่นกับผมด้วยนะครับ… เล่นซ่อนแอบกันอยู่นานเหมือนกันจนเพื่อนๆ ต้องมาตามให้เดินต่อไปได้แล้ว
ตู้ปลาใบสุดท้ายเป็นตู้ขนาดใหญ่ที่สุดและก็เป็นที่มาของชื่อ Under Water World ด้วยเพราะว่าเราสามารถมองขึ้นไปเห็นตัวปลาสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ของพวกมันได้อย่างชัดเจน ได้เห็นการใช้ชีวิตของเหล่าฝูงปลา การหลับนอน การกินอาหาร อิริยาบทต่างๆ ดูไปบ้างก็มีรอยยิ้ม บ้างก็มีเสียงหัวเราะ บ้างก็ตื่นเต้น บ้างก็เครียด (กลัวฉลามงาบหัว) วัสดุของตู้ใบนี้ไม่ใช่กระจกเหมือนตู้ปลาทั่วๆ ไปแต่เป็นตู้อะคลิลิกที่มีความหนาถึง 6 ซม. ซึ่งสามารถรับแรงดันน้ำได้อย่างมหาศาล อีกอย่างสถานที่นี้ถูกวางแผน ทดลอง และมีการเตรียมการก่อนสร้างอย่างดีดังนั้นจึงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องรั่วซึม หรือปัญหาอื่นที่อาจจะเกิดขึ้นได้…
ที่นี่ผมได้เห็นปลาฉลามนางฟ้าตัวใหญ่ยักษ์แบบใกล้ชิดไม่ถึงเมตรครึ่ง (เคยเห็นแต่ตัวเล็กๆ วันนี้เจอตัวเป้งเลย เสียวสันหลังมากครับ) นอกจากนี้ก็มีฝูงปลาบอร์เนียวที่อยู่รวมกันอีกด้วย เจ้านี่เราเคยเห็นกันที่บ้านเราส่วนใหญ่ถูกเลี้ยงเป็นปลาน้ำจืดมากกว่า แต่จริงๆ แล้วเขามีที่มาจากทะเลมาก่อนนะครับ… สีสันเวลาที่อยู่ในน้ำเค็มงดงามมาก เหลืองเป็นเหลือง เกล็ดเงาเป็นสีเงินระยิบระยับงามตา แถมขนาดของมันยังใหญ่โตอีกด้วย (เห็นแบบนี้แต่ละตัวใหญ่ประมาณ 1 ฝ่ามือผู้ใหญ่กางเต็มที่) ปลื้มครับ เพราะปลาชนิดนี้เป็นหนึ่งในปลาสวยงามที่ผมชอบมากที่สุด
ในขณะที่ผมกำลังดูปลาเพลินๆ อยู่นั้นอยู่ๆ ก็มีตัวอะไรไม่รู้บินว่อนผ่านหัวผมไป… พอเหลือบหันไปดูก็ต้องร้องจ๊ากก เป็นฉลามเสือตัวเบ่อเริ่มมองหน้าอยู่ข้างๆ แต่ผมเชื่อว่าที่บินผ่านเราไปต้องไม่ใช่เจ้านี่แน่ๆ เอ… ตัวอะไรกันแน่นะ ?
คิดอยู่ไม่นานเจ้าตัวนั้นก็โผบินผ่านมาอีกครั้ง ชิชะ ! งานนี้ไม่รอด แชะ แชะ ผมสามารถเก็บภาพมาฝากเพื่อนๆ ได้ ทายกันออกรึเปล่าครับว่าจะเจ้านี่คือตัวอะไร ? ถูกต้องแล้วครับ นี่ก็คือปลากระเบนแมนต้าเรย์ ราหูแห่งท้องทะเลไงล่ะครับ ได้เห็นตัวจริงเต็มๆ ตาแบบนี้ลืมไม่ลงจริงๆ ที่เห็นตัวจริงไม่ใช่แค่กระเบนหรือฉลามตัวใหญ่ๆ อย่างเดียวนะครับ ยังมีปลาเก๋ายักษ์ (ยักษ์จริงๆ สูสีอะราไพม่าเลยทีเดียว แต่หน้าตาโหดเหี้ยมกว่ามาก) กะจากสายตาตัวนี้ต้องมี 150 โลแน่ๆ ครับ ดูแล้วบอกตามตรงว่าทั้งกลัวทั้งหิว 5555
(กลัวโดนงับครับ แต่ถ้าได้ลิ้มรสปลาตัวใหญ่ขนาดนี้คงโอชาลิ้นน่าดู) ก่อนจะออกมายังได้เจอปลาพยูน (Dugong : ดูก๊อง) ตัวจริงเสียงจริงอีกด้วย ในภาพกำลังตั้งหน้ารับประทานพืชทะเลอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่สนใจใคร เห็นแล้วก็น่ารักน่าเอ็นดูดีครับ
ปิดท้ายที่ Under Water World ด้วยภาพปลาฉลาม 3 มิติ ซึ่งเป็นภาพโพลีกอนของปลาฉลามขาว ไม่ว่าจะมองมุมใดก็จะเป็นเจ้านี่ก็จะจ้องมองอยู่… ดูไปก็คิดเล่นๆ ว่านี่ถ้ามันกระโจนออกมาได้หรือมีเสียง Sound Effect ติดมาด้วยคงได้มีเสียงกรี๊ดกร๊าดจากสาวสิงคโปร์ออกมาด้วย ดีไม่ดีอาจมีสาวหมวยสวยๆ กระโดดมากอดเราเพราะตกใจกลัวก็เป็นได้… ผมตบหน้าตัวเองพลางเช็ดน้ำลายจากอาการฝันหวานก่อนเดินออกไป แล้วนี่ก็อันสิ้นสุดการไปเที่ยว Under Water World ในวันนี้ครับ หลังจากนั้นไกด์ก็พาเราไปรับประทานอาหารเย็นก่อนกลับที่พัก วันนี้ก็เดินเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พักผ่อนหน่อยดีกว่า พรุ่งก็จะถึงวันที่ได้ไปงาน Aquarama แล้ว… ตื่นเต้นจริงๆ
ติดตามตอนต่อไปนะครับ