ต่อจากกระทู้นี้นะครับ
http://www.aro4u.com/articles-detail/628
เสร็จจากการเยี่ยมชมบ้านของผู้พัน คุณโน้ตก็พาเราไปทานข้าวมื้อกลางวันที่ร้านอาหารป่าร้านหนึ่ง โดยบอกว่าอยากให้คุณแนนได้ลิ้มลองอาหารเมืองอีกซักมื้อ (รอบแรกอาหารเมืองเชียงใหม่ รอบนี้อาหารเมืองแม่ฮ่องสอน) พอไปถึงก็สั่งให้พ่อครัวทำอาหารรสเด็ดมาขึ้นโต๊ะทันที ไม่นานเกินรอ ปลาคังยักษ์จากแม่น้ำสาระวินที่มาทั้งแบบทอด, แบบผัดฉ่า และแบบต้มยำ + เนื้อเก้งทอด + ตัวอ่อนของตัวต่อยักษ์ทอด ก็ถูกยกมาเสริฟบนโต๊ะ NC. เห็นแล้วเหงื่อตก เกิดมาจนอายุ 32 แล้วยังไม่เคยกิน เอาวะ มาถึงแล้ว ยังไงมื้อนี้ก็ต้องลอง ~~!!
=> อาหารสำหรับ 8 ท่านนำมาให้ 3 หนุ่มได้สวาปาม นับเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข (ปนทุกข์) สุดๆ ต่างคนต่างตักยัดเข้าไป เพื่อเป็นการให้เกียรติเจ้าบ้าน และพ่อครัวใหญ่ที่มายื่นเป็นกำลังใจอยู่ข้างๆ เล่นเอาพุงกางทำอะไรต่อแทบไม่ได้ แต่ท้ายที่สุดอาหารก็ยังเหลือ ด้วยความเสียดายคุณโน้ตสั่งให้ Pack อย่างดีเพื่อให้ NC. เอาไปฝากครอบครัวด้วย (ใจดีจริงเลยพ่อคุณ)
อิ่มท้องแล้วก็ออกเดินทางจากแม่สะเรียงในทันที ตลอดทางประมาณ 3 ชั่วโมงเศษ เรา 3 คนไม่มีใครพักผ่อนนอนหลับ (โดยเฉพาะคุณโน้ตที่เป็นคนขับ จะหลับไมได้เลย !!) พูดคุยกันอย่างสนุกสนานเหมือนรู้จักกันมานานกว่า 10 ปี มาถึงบ้านคุณเอ็ดอีกครั้งก็ตอน 6 โมงเศษๆ เอาล่ะครับ ภารกิจสุดท้ายของ NC. อยู่ที่นี่แล้ว… งานศัลยกรรมหนวดปลาแดง และภาพที่เพื่อนสมาชิกได้เห็นอยู่นี้ก็คือ ปลาแดง Super Dynamic Red ขนาด 8 นิ้วเต็ม จากฟาร์ม PT. Dynamika Kapuas ประเทศอินโดนีเซีย ตัวโปรดของคุณเอ็ดเลยล่ะครับ
ที่มาของการต้องมาทำการศัลยกรรมครั้งนี้ คุณเอ็ดเล่าให้ฟังว่าเมื่อประมาณกลางเดือนที่แล้วเจ้าแดงตัวนี้เกิดอุบัติพุ่งชนกับกระจก เป็นผลทำให้ปลายหนวดข้างหนึ่งเกิดการงอ (ปลายหนวดงอ) ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายเพราะเชื่อว่าไม่นานคงจะหายเป็นปกติ แน่นอนครับ NC. ก็คิดเช่นกัน แต่ไม่รู้ด้วยเหตุผลอันใดเบื้องบนจึงไม่ปราณีกลับส่งอาการผิดปกติแทรกซ้อนชื่อ “หนวดปลาหมึก” ลงมาร่วมด้วยช่วยกัน ณ ตรงจุดที่มีการหักงอพอดี เป็นผลทำให้มีโอกาสกลับมาหายเองยากมากขึ้น (ต้องให้หนวดปลาหมึกหายก่อน และเป็นที่ทราบกันว่าหนวดปลาหมึกนั้นถือเป็นหนึ่งใน “โรคเวรโรคกรรม” ที่หายแล้วก็เป็นใหม่ได้เรื่อยๆ)
NC. คิดและพิจารณาอยู่นานว่าจะตัด หรือไม่ตัด เพราะจริงๆ ไม่อยากตัดด้วยเหตุผลที่ว่า หนวดปลาหมึกที่เกิดขึ้นยังเป็นเพียงอาการเริ่มต้น สามารถรักษาให้หายได้ในเวลาอันสั้น แต่เพราะคุณเอ็ดอยู่ไกลถึงเชียงใหม่ จะมาก็ไม่ได้มากันง่ายๆ เสียทั้งเวลา และค่าใช้จ่าย ดังนั้นจึงตัดสินใจช่วยเหลือเคสนี้ด้วยการทำศัลยกรรม “ขลิบปลายหนวด” เพื่อให้ปลายหนวดงอกขึ้นมาใหม่ดูจะเป็นทางเลือกที่ทำได้เร็วกว่า => คุณเอ็ดตกลงรับทราบแล้วจึงเริ่มขั้นตอนการศัลยกรรมครับ
Case นี้เจ้าของปลาถ่ายให้ครบ จึงขอลงให้ครบนะครับ เหมือนเดิมเลย => ลดน้ำ + จับต้อนปลาเข้าถุง + วางยาสลบ
ตรวจสภาพดูความพร้อมของตัวปลาก่อนการทำศัลยกรรม
ถึงเวลาการขลิบหนวด NC. ไม่มีเวลาให้คุณเอ็ดได้ถ่าย เพราะทำเพียงชั่ววินาที ตามไปชมภาพด้านล่างครับ (ก่อนตัดปลายหนวดยาวเท่ากัน แต่ข้างหนึ่งตรง และข้างหนึ่งงอ หลังตัดปลายหนวดยาวไม่เท่ากัน NC. เล็งแล้วตัดเฉพาส่วนที่งอ-ออก)
*** การตัดที่เข้าเส้นหนวดลึกเกินไป เป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องและเกินความจำเป็น NC. ขอฝากไว้ด้วยนะครับ
จากนั้นก็เข้าสู่ขั้นตอนของการทำให้ฟื้น และด้วยการวางยาเพียงแค่แบบซึมๆ ไม่ถึงกับสลบไสล ดังนั้นตัวปลาจึงฟื้นได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อฟื้นแล้วก็เป็นอันสิ้นสุดภารกิจการเดินทางมารับงานศัลยกรรมที่นี่ ดูนาฬิกาอีกทีก็ใกล้เวลาที่จะต้องไปสนามบินแล้ว NC. รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็กระโดดขึ้นรถให้สองหนุ่มขับรถฝ่าฝน (ที่ตกหนักมากๆๆๆๆ – ตอนมาก็ตกหนัก ตอนกลับก็ตกหนักอีก) ไปส่งที่สนามบิน ดีใจจัง จะได้กลับบ้านแล้ว… คิดถึงคุณภรรยา คิดถึงครอบครัว คิดถึงปลา แล้วก็คิดถึงเวบไซท์ Aro4u
ภารกิจครั้งนี้พวกเราทำงานแข่งกับเวลาจริงๆ ไม่ได้มีเวลาท่องเที่ยว (เว้นแต่ขับรถไปถามทาง + ทานอาหารเท่านั้น) เรียกได้ว่าไปทำงานแบบล้วนๆ จริง ถามว่าเหนื่อยไหม ? ตอบว่าเหนื่อยครับ แต่ก็สุขใจที่ได้รู้จักเพื่อนสมาชิกมากขึ้น ได้เห็นภูมิประเทศของจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่เพิ่งไปเป็นครั้งแรก ได้ลิ้มอาหารที่เกิดมายังไม่เคยได้ทาน และอื่นๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ NC. ก็ขอขอบคุณเอ็ด และคุณโน้ต (สามหมอก) มา ณ ที่นี้อีกครั้งนะครับ ขอบคุณเพื่อนสมาชิก Aro4u ด้วยที่ติดตามอ่านบทความตอนยาวตอนนี้มาจนจบ แล้วพบกับการเดินทางของ NC. ในครั้งต่อๆ ไปนะครับ
*** คำสารภาพผิด บทสุดท้าย : Flight เดินทางกลับตามกำหนดการ NC. จะต้องออกจากสนามบินเชียงใหม่เวลา 20.50 แต่คืนนั้นฝนตกหนักมาก เมื่อ NC. ไปถึงสนามบินก่อนเวลาแล้ว ตอนไป Check in เจ้าหน้าที่หนุ่มน้อยหน้าสวยของนกแอร์แจ้งให้ NC. ทราบว่า “พี่คะ ต้องขออภัยจริงๆ ค่ะ ทาง Flight ไปดอนเมืองมีการ Delay เปลี่ยนเวลาเที่ยวออกเป็น 22.50 น. (รออีกประมาณ 2 ชั่วโมง)… เวรแล้ว !! NC. จะทำยังไงดี ตัดสินใจโทรหาคุณเอ็ด และคุณโน้ตอีกครั้ง ซึ่งทั้งสองท่านก็ใจดีวนรถกลับมาไปทำอะไรหน่อย
วนรถมารับแล้วคุณโน้ตก็บอก NC. ว่า “เดี๋ยวผมจะพาพี่ไปทานข้าวนะ ได้ไม่เสียเวลานั่งรอเปล่าๆ “Warm Up” ไปเลยในตัว !!” NC. นั่งเงียบๆ เพราะไม่รู้ความหมายอะไรมาก ครู่เดียวคุณโน้ตพาเราไปที่ร้าน Warm Up ที่เชียงใหม่ ดูหน้าตาร้านแล้วก็มามองดูตัวเองแบบหัวจรดเท้า… มันช่างไม่เข้ากันเลย เหมือนจะไปขอเขากินข้าวมากกว่าจะไปอุดหนุนเขา แต่คุณโน๊ตท่านว่าไม่มีอะไรพี่ มากับผมสบายใจได้หายห่วง (เป็นอย่างนั้นจริงๆ VIP สุดๆ ครับ ขนาดที่จอดรถพนักงานยังจัดหาให้เป็นพิเศษทั้งที่คนเต็มร้านสุดๆ)
Concept ของร้าน Warn Up คือ “เป็นร้านอาหารกึ่งผับและบาร์ ที่มีนักร้องมาร้องเพลงให้ฟังทุกวัน แล้วก็มี Concert จากนักร้องชั้นนำเป็นประจำด้วย” สิ่งที่ผมชื่นชมคือร้านนี้ผับบาร์ทั่วไปที่จะมีเด็กนั่งดริ้งค์ ดังนั้นจึงลูกค้าจึงทั้งกลุ่มหญิงและชาย แล้วก็มีมากพอๆ กัน ช่วงระยะเวลาเพียง 1 ชั่วโมง => เรียนตามตรง NC. เกือบลืมทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะที่ตรึงตาตรึงใจ ณ เวลานั้นคือความงดงามของสาวเหนือที่เดินผ่านไปมานับร้อยนาง ~~!!