ในขณะที่กำลังจะหารูปเพื่อที่จะทำกระทู้ในวันต่อๆ ไปนั้น พอดีผมมาเปิดเจอรูปอยู่ 2 รูปซึ่งถ่ายเอาไว้เล่นๆ เมื่อไม่นานมานี้ (เป็นการลองกล้องพก หลังจากที่เพื่อนฝากส่งซ่อม) พอเปิดเจอก็เกิด Idea อยากจะทำกระทู้หนึ่งให้ได้อ่านกันเกี่ยวกับเรื่อง "อาหารปลามังกร" บทความนี้อาจจะไม่ได้เป็นประโยชน์มาก แต่อย่างน้อยผมก็ว่ามันก็แฝงข้อคิดดีๆ ให้กับเพื่อนผู้อ่านได้บ้าง พร้อมแล้วไปชมกันนะครับ
ที่ผ่านมา ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผมเลี้ยงปลามังกรนั้น ผมเลี้ยงปลามังกรมามากมาย มีปลาผ่านมือนับร้อยตัว แน่นอนครับ พูดไปแบบนี้แล้วคงจะมีคำถามเกิดขึ้นมากมาย แต่ลึกๆ แล้วผมเชื่อว่าคงจะมีคำถามหนึ่งที่ท่านเห็นตรงกัน นั่นก็คือ "คุณแนนให้ปลากินอะไรเป็นอาหารหลัก ?" ก่อนหน้านี้ไม่นาน ผมคงจะต้องตอบอย่างเต็มปากเต็มคำว่า ผมให้กินแต่สัตว์เป็น ไม่ใช่เพราะสะใจ หรืออะไร แต่เพราะความสะดวกสบายในการเลือกซื้อ จัดหา (ช่วงก่อนผมไปสวนจตุจักรเป็นประจำ ตอนที่ทุ่มเทก็ไม่น้อยกว่าสัปดาห์ละ 2 ครั้ง)
โดยอาหารเป็นที่ว่านั้นก็มีจิ้งหรีด และ หนอนนก แต่จะเน้น "จิ้งหรีด" เป็นหลักครับ (ใช้จิ้งโกร่ง หรือ จิ้งหรีดแดง) นั่นจึงหมายความว่า ผมต้องฆ่าสัตว์ไม่เว้นแต่ละวัน ที่หนักใจก็คือการให้อาหารแต่ละครั้งให้เป็นจำนวนมาก (นับร้อยๆ ตัว) ซึ่งลึกๆ แล้วเป็นการกระทำที่ไม่อยากทำจริงๆ แล้วก็รู้สึกแบบนั้นเรื่อยมา แต่จะทำยังไงได้ ? ไปฝึกปลาเป็นแบบนั้นแล้ว มันก็ติด จะแก้ไข จะฝึกใหม่ ก็ลำบาก… ใช่ว่าจะเกิดขึ้นกับมือใหม่อย่างเดียว คนที่เลี้ยงปลามังกรมานานอย่างผมก็มีความรู้สึกแบบนี้เช่นกัน
มาวันหนึ่ง ตอนนั้นผมเลี้ยงปลาน้อยลง จากเดิมในบ้านมี 10-12 ตัว ก็มาเหลือ 5-6 ตัว ผมเริ่มที่จะจัดระเบียบใหม่ ฝึกนิสัยปลาใหม่ โดยให้ "เนื้อหมู" หรือ หมูเนื้อแดง เป็นอาหาร (ขโมยที่บ้าน อิอิ) ต้องนั้นต้องทำการบ้านหนัก ต้องเริ่มฝึกใหม่ ต้องเตรียมและล้างเนื้อหมูสดทุกวัน มานั่งเอากรรไกรตัดเป็นชิ้นเล็กๆ กว่าจะพอให้ปลาทั้งบ้านกินหมด ก็เมื่อมือเอาการอยู่ แต่ก็คุ้มค่า เพราะอย่างน้อยที่สุด ทำให้ผมได้ลดการฆ่าสัตว์ลงไป ณ เวลานั้น ผมยังใช้หนอนและจิ้งหรีดอยู่ครับ แต่ใช้ในปริมาณที่น้อยลงอย่างมาก (เหลือไว้เฉพาะตัวที่ยังไม่ยอมกินเนื้อหมู)
เมื่อสบายใจ หน้าตาก็ผ่องใสมากขึ้น การลดการทำบาปทำให้ชีวิตผมดีขึ้นมาก… อาจจะคิดไปเองก็ได้ แต่ผมก็เชื่อเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน จนมาวันหนึ่งที่กลับมาทำงานประจำ ตอนนั้นไม่มีเวลาหั่นเนื้อหมูแล้ว ไม่มีเวลาเตรียมเอง ไม่มีเวลาล้าง ไม่มีเวลาหั่น ผมเลยคิดว่าอาจจะต้องกลับมาให้อาหารเป็นอีก แย่เลย… โชคดี ตอนนั้นผมยังได้เจอเพชรอยู่เรื่อยๆ เขาเลยแนะนำผมว่า ลองใช้ "กุ้งฝอย" ดูสิ ผมตอบว่า ผมเคยใช้แล้ว ไม่ค่อยดี ปลาไม่ค่อยกิน เขาตอบผมว่า…
"ที่คุณให้กินเป็นแบบไหน ?"
"ก็ กุ้งฝอย แบบปกติ"
"ตาย หรือ เป็น"
"ก็มีทั้งเป็นและตาย"
"ตายนี่สดรึเปล่า ?"
"ส่วนใหญ่ไม่ค่อยสด"
"ก็ไม่สดแล้วมันจะกินยังไง ?"
"กินแหละ แต่กินไม่ค่อยดี"
"คุณลองมาเอากุ้งฝอยที่ผมไปใช้ไหม ?"
"มันมีดียังไง ?"
"มันสด อย่างน้อยปลาก็กินดีกว่ามาก"
"อืม เอาสี ลองดู"
ว่าแล้วผมก็ขอกุ้งฝอยที่เพชรใช้อยู่มาลองให้ปลาที่บ้านกิน เป็นกุ้งฝอยที่ซื้อมาจากตลาดคลองเตยครับ และที่เพชรแบ่งมาให้ผมนั้นเป็น Version แช่แข็งแล้ว หลังจากที่ลองให้กิน ปรากฏว่าปลาให้ความร่วมมืออย่างดี กินดี และกินได้มาก ทั้งที่เป็นกุ้งที่ตายแล้ว จากเดิมปลาที่ว่ายอยู่ผิวน้ำ อาหารที่ตกพื้นแล้วไม่ยอมกิน มันก็ยอมลงมากิน นั่นแปลว่ารสชาดถูกปาก แบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย และแน่นอนว่า การที่ปลากินดี (กุ้งฝอยแช่แข็ง เวลาให้จะจมก้นตู้) ก็ต้องมี Tank Mate ยอมแย่งด้วย จะได้ครึกครื้นและทำให้ปลามังกรอยากแย่งกินมากขึ้น
ตอนนั้นผมมีฝูงปลานกแก้วอยู่ พอให้ลงไปก็กรูเข้ามากินอย่างมันส์ตา ทั้งมังกรและนกแก้วเลย ให้แบบนี้อยู่สัปดาห์หนึ่ง จากนั้นก็เริ่มซื้อเอง ไปมาลำบากหน่อยครับ ที่ตลาดคลองเตย (เพราะจอดรถไม่ได้) จึงต้องนั่งรถเมล์แล้วเดินไป ตอนนี้ซื้อเอง ซื้อแต่ละครั้งก็ 1 กิโลครึ่ง ราคา 90 บาท กุ้งฝอยที่ซื้อมา ส่วนใหญ่ตายแล้ว แต่ยังมีสภาพสด ตัวใสไม่ขุ่นอยู่ พอซื้อเสร็จกลับมาที่บ้าน ผมก็ล้างทำความสะอาดแล้วก็สะเด็ดน้ำให้พอหมาด (ล้างน้ำเปล่าก็พอ ไม่ต้องใช้ด่างทับทิมอะไร) แล้วเตรียมจานมาใส่เป็นชั้นๆ ใส่ได้ประมาณ 12 ชั้น (1 ชั้นเลี้ยงปลาและ Tank Mate ได้ 4 ตู้) ถ้าให้ทุกวัน ก็ไปสัปดาห์ เว้นสัปดาห์ ถ้าให้วันเว้นวัน ก็ไป 2 เดือน 3 ครั้ง สะดวกสบายผม แล้วที่สำคัญก็คือ… ปลากินดี สีก็สวย ประหยัดสตางค์ แถมยังสบายใจไม่ต้องฆ่าสัตว์ (เอง) อีกต่อไป เพื่อนผู้อ่านสนใจจะลองใช้ดูก็ได้นะครับ
Nanconnection