… โรคเกล็ดพอง… ความสยดสยองที่ต้องระวัง ! …
เป็นเพราะปัญหาเรื่องหนวดและเหงือกของเจ้า Hiback ตัวนี้มีอาการหนักก่อนรักษาดังนั้นช่วงเวลาฟื้นตัวจึงต้องใช้เวลานาน ที่หนวดนั้นไม่เท่าไหร่คงประมาณซัก 10-15 วันอาการน่าจะดีขึ้น แต่เรื่องเหงือกนี่สิกว่าที่จะกลับมายาวสวยเหมือนเดิมคงต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 1 เดือนเป็นแน่… ผมได้รับโทรศัพท์จากเชษฐครั้งล่าสุดเมื่อประมาณ 2-3 วันหลังจากทำการรักษา ซึ่งคำตอบที่ได้รับฟังแล้วรู้สึกสบายใจว่า “ปลามีอาการดีขึ้นแล้วแนน ขอบคุณมากนะครับ” แล้วเสียงโทรศัพท์จากเชษฐก็ได้เงียบหายไปอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันถึงช่วงเวลาของการหายดีของปลาผมก็ได้รับโทรศัพท์จากเชษฐอีกโดยครั้งนี้ผมหวังว่าจะได้ฟังข่าวดี… กริ๊งงงง… กริ๊งงงง… กริ๊งงงง… ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วพูดขึ้นว่า
“สวัสดีครับเชษฐ เป็นไงมั่งครับ… ปลาหายดีแล้วเหรอครับ ?”
“ไม่เลยครับ คราวนี้กลับเป็นหนักยิ่งกว่าเดิม… เรียกเพื่อนๆ มาดูเขาก็บอกว่าตอนนี้ปลาเป็นโรคเกล็ดพอง”
“โรคเกล็ดพอง !!! เป็นโรคนี้เชียวหรือ ? โรคนี้อันตรายมากนะครับทำให้ปลาตายได้ในระยะเวลาอันสั้น”
“น่าจะใช่ครับแนน เนี่ยเพื่อนผมคนที่บอกก็ยืนอยู่ใกล้ๆ”
“เพื่อความชัวร์ว่าเป็นโรคนี้แน่ ผอขอคุยกับเพื่อนเชษฐหน่อยครับ”
“ได้ครับแนน” ว่าแล้วเชษฐก็ส่งสายให้เพื่อนเขาคุยกับผม หลังจากได้อธิบายพูดคุยถึงลักษณะรายละเอียดอาการผิดปกติของตัวปลาแล้ว ก็ทำให้ผมมั่นใจว่าปลามีอาการของโรคเกล็ดพองจริง… ที่สำคัญคืออยู่ในระยะขั้นอันตรายแล้ว ผมจึงบอกเชษฐว่าให้รีบมารับผมด่วนเดี๋ยวจะไปดูอาการปลาให้ เชษรับคำแล้วก็รีบขับรถมารับผมที่บ้าน
ไปถึงบ้านเชษฐเห็นสภาพปลาแล้วผมบอกกับเชษตรงๆ ว่าแบบนี้หมดทางเยียวยาแล้วล่ะครับ… โอกาสตายสูงมาก และสามารถตายได้ในวันนี้พรุ่งนี้เลย ที่ผมพูดแบบนี้ไม่ใช่ไม่ให้กำลังใจแต่เพราะต้องการบอกให้เขาทราบและได้รับรู้ความจริง ผมไม่ซักถามว่าเหตุผลที่เป็นแบบนี้เพราะอะไร ? เพราะถามไปก็คิดว่าเขาคงไม่ทราบ แต่โดยปกติแล้วโรคเกล็ดพองมีสาเหตุสำคัญ 2 อย่างคือมาจากน้ำสกปรกและมีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิโดยฉับพลัน ลักษณะของโรคก็คือเกล็ดจะเปิดอ้าออก ไม่เรียงซ้อนกันเหมือนปกติและอาจเป็นได้ทั้งตัวหรือเพียงบางส่วน หากเป็นในระยะแรกเริ่มเกล็ดเพียงแต่อ้าออกเท่านั้น แต่เมื่อผ่านไปเพียงวันสองวันที่ผิวเกล็ดจะเริ่มมี “เมือกดำ” ปกคลุม โดยสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนคือผิวเกล็ดจะแตกลอกออกและมีสีคล้ำดูน่ากลัว… ซึ่งมาถึงระยะนี้แล้วหากยังไม่มีการรักษาปลาอาจตายได้ในเวลารวดเร็ว
ผมไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอนของอาการปลาเชษฐและถึงเวลานี้ก็ไม่มีเวลาที่จะถามไถ่หรือสังสัยอะไรแล้ว เพราะไม่เพียงแค่ผมคนเดียวที่ซีเรียส ดูจากสีหน้าและอาการของเชษฐผู้เป็นเจ้าของแล้วก็เห็นได้ว่าร้อนใจไม่แพ้กัน… สิ่งที่ต้องทำตอนนี้มีเพียงอย่างเดียวคือจะใช้วิธีไหนจึงจะรักษาเจ้า Hiback ให้หายให้เร็วที่สุด ผมมั่นใจว่าหากปล่อยไว้กับเชษฐคงอยู่ได้อีกไม่นานแน่เพราะไม่ทราบสภาพน้ำ ไม่ทราบอุณหภูมิปัจจุบัน ไม่ทราบค่าของเสียต่างๆ แต่เพราะโชคดีที่ๆ บ้านยังมีตู้ใบเล็กอีกใบเป็นขนาด 30”x20”x20” ซึ่งแม้จะเล็กกว่าตู้เดิมหน่อยแต่ก็พออยู่ได้ พอจะใช้รักษาจนปลาหายได้ (ถ้าโชคดี) ด้วยความสงสารปลาเพราะยังเห็นว่ายังมีอนาคต สีสันตอนปกติมันดีมาก แววการเปิดของเกล็ดก็ดีจึงได้บอกเชษฐว่า…
“เอาแบบนี้นะครับเชษฐ เอาไปอยู่กับผมดีกว่า… ผมบอกตรงๆ เลยว่าถ้าตัวนี้ไม่ได้รับการดูแลอย่างไกล้ชิดหรือรักษาอย่างไม่ถูกต้องคงตายแน่ๆ”
“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันครับแนน ก็คงต้องให้แนนช่วยแล้วเพราะผมเองก็จนปัญญากลัวทำไม่ถูกวิธีแล้วปลาจะตาย… ผมเป็นห่วงมันมากเลย ขอฝากแนนด้วยนะครับ แล้วเรื่องค่าใช้จ่ายค่าเลี้ยงดู ค่ายา ค่าอาหาร มีอะไรแนนบอกผมได้ไม่มีปัญหาครับ”
“เรื่องนั้นเล็กครับ ผมไม่ห่วงเลย… สิ่งที่ผมห่วงคือชีวิตของมันมากกว่า แม้ตอนนี้เองผมก็ยังไม่มั่นใจว่าไปอยู่กับผมแล้วจะหายรึเปล่า ? แต่ยังไงก็ตามผมให้สัญญากับเชษฐว่าผมจะรักษามันให้ดีที่สุด หากหายผมก็จะดีใจและภูมิใจมากด้วยเช่นกัน”
“ครับผม ขอบคุณมากนะครับแนน”… จากนั้นก็เริ่มทำการจับย้ายปลาแล้วก็กลับบ้านทันที
เมื่อกลับถึงบ้านผมก็ปรับอุณหภูมิและสภาพน้ำในเวลาเดียวกัน… ในระหว่างนั้นก็ผมคำนวนปริมาณยาเพื่อใช้ในการรักษา สำหรับการรักษาโรคเกล็ดพองจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะเข้าช่วยโดยให้ใช้ยาแก้อักเสบ “เอม๊อกซิล” โดยใช้ยาปริมาณ 10 มิลลิกรัม / น้ำ 1 ลิตร และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นในช่วงเวลารักษาให้เปลี่ยนถ่ายน้ำและใช้ยาในปริมาณที่แนะนำทุกวัน หากเริ่มเป็นใหม่ๆ และใช้วิธีนี้อาการปลาจะดีขึ้นใน 1 สัปดาห์ (ถ้าปลายอมกินอาหารและเราสามารถคลุกอาหารกับยาแก้อักเสบนี้ให้ปลากินได้จะทำให้ปลาหายเร็วขึ้นนะครับ) แต่สำหรับปลาของเชษฐที่เกล็ดพองจนถึงขั้นเมือกดำและเป็นเกือบทั้งตัวแล้ว… ไม่รู้ว่าจะทันการรึเปล่า แต่ผมก็ไม่ลังเลใจที่จะเสี่ยงเพราะเป็นความเสี่ยงที่คุ้มค่าและถูกต้องที่สุดที่คิดได้ในเวลานั้น
NOTE : ยา “เอม๊อกซิล” ที่ว่าเป็นยาแก้เสบสำหรับคนกินโดยหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ยาชนิดนี้โดยปกติจะเป็นแคปซูลซึ่งมี 2 ขนาดคือ 250 มก. และ 500 มก. (สำหรับตู้ความจุ 25 และ 50 ลิตร) ราคาเม็ดละประมาณ 8 บาท ตัวยามีอายุในการออกฤทธิ์ประมาณ 24 ชม. ครับ ฉะนั้นจึงใช้ได้ทุกวันโดยปลาไม่เป็นอันตราย
หลังจากลงปลาเสร็จแล้วผมก็ละลายยาผสมน้ำในถ้วย (ใส่ยาเหลืองด้วย) แล้วเทลงไปในตู้… นั่งดูมันซักแป๊ปนึง เสร็จแล้วจึงไปขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อน คืนนั้นผมเก็บไว้รูปไว้พอสมควรจึงนำเอาบางส่วนไปตั้งกระทู้แล้ว Post รูปลงเวบ Pantip โต๊ะจตุจักร ห้องปลาสวยงาม เพื่อขอความคิดเห็นจากเหล่าเพื่อนๆ ที่เลี้ยงปลามังกร ตั้งกระทู้เสร็จแล้วผมก็ลงมาดูมันอีกที… เอาล่ะ ปกติดี ผมจึงขึ้นไปนอนหลับพักผ่อนเพราะวันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ก่อนจากตู้ปลาไปก็ไม่ลืมบอกกับมันว่า “หวังว่าพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาดูจะยังเจอแกว่ายน้ำดีอยู่นะ”…
ตื่นเช้าขึ้นมาก็รีบล้างหน้าแปรงฟันแล้วลงไปดูอาการ… ผมมีรอยยิ้มครับเพราะมันอยู่ดีแต่ว่ายังไม่ยอมกิน ถูกแล้วครับเพื่อวัดใจว่ามันจะยอมกินอาหารรึเปล่า ? ผมจึงลองโยนหนอนลงไปลองภูมิมันตัวนึง ปรากฏว่าผมแพ้ใจเพราะมันไม่ให้ความร่วมมือ เมิน ไม่มองอาหารที่ผมส่งให้ แม้จะไม่กินแต่ผมก็ยังรู้สึกสบายใจเพราะอย่างน้อยวันนี้มันก็ยังมีชีวิตอยู่ เสร็จแล้วผมก็ขึ้นมาทำงานเขียนตามปกติ ก่อนทำงานผมจะเช็คเมลและอ่านกระทู้เกี่ยวกับปลาสวยงามใน Pantip ทุกครั้ง วันนี้ก็เช่นกันและที่สำคัญก็คือต้องขอดูความคิดเห็นของเพื่อนๆ กันหน่อยว่ากระทู้ที่ผม Post ไปมีผลตอบรับมาอย่างไรกันบ้าง… ต่อเนทติดก็รีบเข้าไปดูเลย พออ่านแล้วรู้สึกเศร้าระคนเครียดขึ้นมาทันทีเพราะแต่ละคนแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาจนอ่านแล้วรู้สึกหน้าเสีย… ตายแน่ๆ บ้าง… เคยเป็นแบบนี้เหมือนกัน ไม่มีทางรอดหรอก 100% บ้าง… พี่แนน ทำใจได้เลยบ้าง… ขอให้ปลาพี่แนนไปสู่สุขคติบ้าง… อ่านแล้วกำลังจงกำลังใจไม่มีเหลือ แต่ก็พอมีเหมือนกันที่แสดงความคิดเห็นแบบให้กำลังใจ ยังไงก็ขอบคุณทุกความคิดเห็นที่แสดงกันเข้ามา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
เย็นวันนั้นผมก็ทำการเปลี่ยนน้ำปลาตามปกติเพราะอย่างที่กล่าวไปแล้วว่าโรคนี้เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพที่สุดจำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำ 30 % และใส่ยาแก้อักเสบในปริมาณเท่าๆ กันทุกวัน (เติมยาเหลืองเพื่อช่วยสมานแผลวันละนิดด้วย) แล้วผมก็สังเกตการณ์เรื่อยๆ ทุกวัน… ผ่านไปราว 3 วันแม้อาการจะยังไม่ดีขึ้นแต่ก็ไม่เลวร้ายลงกว่าเดิมผมจึงเริ่มมั่นใจว่าเจ้านี่คงรอดแล้ว ในวันเดียวกันผมก็ได้ Post กระทู้เพื่อบอกกล่าวความคืบหน้าของอาการให้เพื่อนๆ ในโลกของอินเตอร์เนทฟัง ความคิดเห็นคราวนี้ไม่เหมือนครั้งที่แล้วสิ่งที่ผมได้รับกลับมาคือกำลังใจอันล้นหลามที่มีให้กับผม… ผู้ทำการรักษาและปลา… ผู้ป่วยหนัก ในวันต่อๆ ไปผมยังคงทำเช่นเดิมเปลี่ยนถ่ายน้ำและเติมยาทุกวัน ในช่วงเวลานั่นเชษฐก็มีโทรมาถามความคืบหน้าของอาการบ้างด้วยความเป็นห่วงแต่ก็ไม่บ่อยเท่าไหร่นัก
ทำการรักษาอยู่ 1 สัปดาห์เต็มๆ สังเกตที่ตัวปลาดูก็เห็นว่าอาการดีขึ้น “เมือกดำ” ที่ขึ้นปกคลุมตัวในวันแรกที่เจอตอนนี้มีน้อยลง ปลายังคงไม่กินแต่ก็ไม่นิ่งว่ายน้ำไปมาจึงไม่ทำให้ผมรู้สึกกังวลใจ… วันถัดไปผมเห็นมันมาว่ายหน้าตู้ก็ไม่รู้เพราะอะไร ? หิวหรือต้องการจะเล่นด้วย ? ผมตีความหมายเป็นแบบแรกก่อนจึงลองโยนจิ้งหรีดไปตัวนึง ปรากฏว่าเจ้า Hiback พุ่งกระโจนกินอย่างเอร็ดอร่อย ผมมีรอยยิ้มที่มุมปากและคิดในใจว่า “กินแล้ว ! เสร็จล่ะเอ็งเอ๋ย” ว่าแล้วก็ไปแกะเอายาออกแล้วเทผงยาลงในถ้วย จากนั้นเอาจิ้งหรีดไปคลุกยาแก้อักเสบนั้นให้ทั่วแล้วโยนให้มันกิน ฮุบ !!! ได้ผล มันกินครับแล้วก็กินอย่างเอร็ดอร่อยด้วย เพราะไม่ได้กินมานานผมเกรงว่าให้กินเยอะเกินไปเดี๋ยวจะมีปัญหาในระบบย่อยอาหารจึงคลุกเหยื่อให้มันกินเพียง 6 ตัวเท่านั้น… แน่นอนครับ เมื่อมีข่าวดีเราจะเก็บไว้คนเดียวได้ยังไง ? ต้องแบ่งปันรอยยิ้มให้กับเพื่อนๆ หน่อยทั้งเพื่อนที่เลี้ยงปลาจริงๆ… ในอินเตอร์เนท และที่สำคัญก็คือเชษฐ… ผู้เป็นเจ้าของปลาตัวจริง
ได้ผลตามคาดครับ หลังจากที่ทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำและเติมยาทุกวันรวมถึงเจ้า Hiback ให้ความร่วมมือในการกินเหยื่อที่คลุกยาโดยตรงจึงทำให้การรักษาหายเร็วขึ้น เพราะเพียงแค่ 1 สัปดาห์หลังจากนั้นเมือกดำก็หายเกือบหมดเหลือเพียงบริเวณที่หลังเท่านั้นเอง ในระยะเวลานี้เป็นระยะที่ปลอดภัยแล้วซึ่งเชษฐสามารถมารับปลากลับบ้านได้แต่ทว่าผมบอกกับตัวเองว่าเก็บไว้รักษาต่ออีกหน่อยดีกว่าให้หายขาดไปเลย
จะได้ไม่มีปัญหาเกิดขึ้นอีกทีหลัง ช่วงหลังที่ปลามีอาการดีขึ้นผมลดการเปลี่ยนน้ำลงเหลือเพียงวันเว้นวันและเติมยาเพียงครึ่งหนึ่งของที่เคยใช้เพื่อลดต้นทุนในการรักษา เพราะจากประสบการณ์ทำให้ทราบว่าในระยะฟื้นตัวถึงเติมยาในปริมาณเดิมก็ไม่ทำปลาหายเร็วขึ้นนัก…
รวมระยะเวลาแล้วก็ 3 สัปดาห์นับตั้งแต่ที่เจ้า Hiback มาอยู่กับผม… เริ่มตั้งแต่อาการหนักขั้นโคม่าน่าจะไปไม่รอดในวันแรกจนมาวันนี้หายเป็นปกติดีแล้ว สภาพที่เห็นเป็นปลาที่มีสุขภาพสมบูรณ์กลับมาแข็งแรงดังเดิม ว่ายน้ำเก่ง กินดี สีสันคืนมา ผมตั้งกระทู้ Post รูปลงไปก็ได้ผลตอบรับกลับมาในทางที่ดีมากๆ สร้างขวัญและกำลังใจให้กับตัวผมเองและตัวปลาเป็นอย่างมาก เมื่อหายเป็นปกติแล้วผมก็โทรบอกเชษฐว่าให้มารับปลาได้… แต่ด้วยกิจการงานที่ค่อนข้างยุ่งของเขาจึงทำให้เวลาของเราไม่ค่อยลงตัวกันนัก ผมจึงต้องเลี้ยงเจ้า Hiback ตัวนี้เรื่อยๆ ต่อไปนานนับสัปดาห์กว่าเชษฐจะมารับกลับไป ในวันที่เจ้าของมารับปลาผมก็บอกกับเจ้า Hiback ว่า… “ดีนะที่วันนั้นเราเจอกันทัน ไม่งั๊นก็คงไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง ? ขอบคุณที่แกอดทนแข็งใจรอดพ้นจากโรคร้ายให้เป็นขวัญและกำลังใจของฉัน อีกประเดี๋ยวเจ้าของแกก็จะมารับกลับไปแล้วยังไงก็รักษาสุขภาพตัวเองให้ดีด้วย อย่าเป็นอะไรให้มากนักเพราะเดี๋ยวทั้งเจ้าของแกและฉันจะยิ่งร้อนใจกันเปล่าๆ กินให้เก่งๆ ว่ายน้ำให้สวย สีสันดีเปล่งปลั่งเขาจะได้รักและใส่ใจดูแลแกมากๆ เจอกันรอบหน้าหวังว่าจะเห็นกันแบบแข็งแรงนะ ไม่เอาโรคเอาภัยหรือต้องเอาแกมารักษาที่บ้านแล้วล่ะ 5555… ขอให้โชดดีนะเจ้า Hiback”
และแล้วเรื่องราวของ “มังกรหรรษา” ตอนนี้ก็จบลงแต่เพียงเท่านี้นะครับ… ผมหวังว่าเพื่อนๆ ที่ได้อ่านจนจบบรรทัดนี้ก็คงได้อะไรไปบ้างไม่มากก็น้อย แต่อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักเรื่องของโรคและอาการบาดเจ็บรวมถึงวิธีการรักษาที่ถูกต้องของปลามังกรมากขึ้น ก่อนจากกันตอนนี้ผมมีสิ่งหนึ่งที่อยากบอกเพื่อนๆ ที่เลี้ยงปลามังกรไว้นั่นก็คือ… ปลามังกรเป็นปลาที่เลี้ยงให้โตให้ใหญ่เลี้ยงง่าย แต่ถ้าจะเลี้ยงให้สวยงามสมเป็นพญามังกรเลี้ยงยากมากครับ การที่เราได้ปลาดีๆ ราคาแพงๆ มาเลี้ยงซักตัวอยากให้ทุ่มเทใส่ใจในการดูแลมันหน่อย รักและเลี้ยงดูอย่างดีแล้วปัญหาเลวร้ายต่างๆ ทั้งมวลก็จะไม่เกิดขึ้น… หรืออย่างน้อยที่สุดเมื่อเกิดขึ้นมาแล้วก็ยังสังเกตเห็นและรักษาได้ท่วงทันเวลา
Nanconnection