http://www.aro4u.com/articles-detail/433
ต่อจากตอนที่ 4 นะครับ
หลังจากที่วาง Plan อะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมกับแฟนก็เข้านอน… คืนนั้นผมมีอะไรให้คิดหลายอย่าง การวางแพลนที่ดีที่สุดในการจัดการทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ให้จบลงด้วยดีในวันเดียว (วันทำงานประจำ วันจันทร์-ศุกร์ ทุ่มให้กับงาน ไม่มีเวลาเดินทางไปไหน) ในขณะที่แฟนผมนอนหลับไปแล้ว ผมยังคงคิดอยู่ คิดหลายๆ แบบ สมองทำงานต่อเนื่อง…. แล้วสุดท้ายก็หลับไป ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกทักเตือนเมื่อเวลา 7 โมงเช้าตามที่ตั้งไว้ ผมอาบน้ำก่อนเพื่อให้ที่รักได้พักผ่อนอีกนิด จากนั้นก็เก็บของอะไรให้เรียบร้อย ประมาณ 7.45 น. ผมโทรปลุกคุณเก่งให้มาเก็บสตางค์เช็คบิลสำหรับที่พักแล้วจึงออกเดินทางเวลา 8 โมงตรง
*** มีเพื่อนสมาชิกถามถึงอัตราค่าที่พัก ผมได้ทราบจากคุณเก่งว่าโดยปกติจะคิดเป็นคืนๆ ละ 1,500 บาท แต่สำหรับผม คุณเก่งคิดให้ราพิเศษ (แต่ขออนุญาตไม่เปิดเผยนะครับ) ก็ขอขอบคุณๆ เก่ง มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
8 โมงตรง ผมขับรถออกจากชะอำเพื่อกลับมายังกรุงเทพส่งแฟน และเตรียมของ เตรียมอุปกรณ์ก่อน แล้วจึงเดินทางต่อไปยังจังหวัดอยุธยา (ผมเองเป็นคนที่มีความรู้เรื่องเส้นทางไม่มาก ดังนั้นจากความรู้เท่าที่มี เข้าใจว่าไม่มีจุดไหนที่เชื่อมระหว่างเพชรบุรี และอยุธยาให้ไปได้ไกล้มากขึ้นได้) ระหว่างทางแฟนผมก็ตาละห้อยเมื่อผมขับผ่าน Outlet แล้ว Outlet เล่าไป แม้ใบหน้าจะเศร้าเล็กน้อย แต่เธอก็เข้าใจผม… “ไม่เป็นไร เดี๋ยวสัปดาห์หน้าพี่แนนจะพาไป Shop ให้กระจายเลยนะจ๊ะ” ผมบอกเธอแบบนั้น เลยทำให้ใบหน้ามีรอยยิ้มขึ้นมาได้บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ใจร้ายขนาดไม่แวะซื้อของฝากเลยนะครับ มีบ้าง (ได้ทานข้าวเช้าด้วย) ก็ผลไม้ริมทางเช่น มะปรางยักษ์ + ลูกตาล สำหรับครอบครัวของเรา (ไม่รู้โดนแม่ค้ามะปรางยักษ์เชือดรึเปล่า ? โดนเข้าไปโลละ 250 บาง พวงหนึ่งจิ๋วๆ ก็ปาเข้าไปโลกว่า สรุปซื้อมะปราง 3 กอง + ลูกตาล จ่ายเป็นพัน ~!!!) 5555…
ฮือ ๆ ๆ ๆ
จากชะอำมาถึงกรุงเทพ รวมเวลาเดินทางจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ก็ประมาณ 3 ชั่วโมงนิดๆ ผมมาถึงกรุงเทพประมาณ 11 โมงครึ่ง แต่ตอนนั้นรู้สึกเพลียมาก เพราะอาจจะพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็เลยตั้งใจจะงีบซัก 1 งีบ ก่อนเตรียมของออกเดินทางไปจังหวัดอยุธยาต่อ… ประมาณบ่ายโมงตรง หลังจากทุกอย่างพร้อมแล้ว ผมก็ขับรถออกไปทันที ด้วยเพราะเส้นทางที่ไปบ้านคุณเก่ง เป็นเส้นทางที่ผมไม่คุ้นเคย ดังนั้นการเดินทางจึงต้องติดต่อหากันตลอด (ปกติผมจะไปอยุธยาทางเส้นแจ้งวัฒนะ – บางปะอิน แต่รอบนี้ไปทางรังสิต เข้าตัวเมือง) จากบ้านผมใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงเศษก็มาถึงที่บ้านคุณเก่ง ตามที่กล่าวไป วันนี้ผมมีเวลาไม่มากดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องทำอย่างรวบรัด
เมื่อได้ที่จอดรถ คุณเก่งก็พาผมเข้าไปดูอาการปลาในบ้าน อันดับสิ่งที่ต้องตะลึงก็คือความใหญ่ของตู้ปลา… ตู้ปลาขนาด 144 นิ้วนี่เป็นอะไรที่ใหญ่มากจริงๆ เห็นแล้วตกใจ (คิดในใจด้วยว่าหากต้องเอาปลากลับมาคงจะโยกย้ายกันลำบาก) จากนั้นผมก็เข้าไปดูอาการตามที่คุณเก่งต้องการ ในวันนั้นน้ำในตู้ค่อนข้างจะขุ่น ซึ่งผมเข้าใจว่าขุ่นจากยาแก้อักเสบที่คุณเก่งใส่รักษา และขุ่นจากน้ำที่ลดลงมาโดยไม่มีระบบกรองช่วยบำบัด แต่ไม่เป็นไร ก็พอจะเห็นตัวปลาอยู่บ้าง… เป็นไปอย่างที่คิด และที่เห็นใน Email ก่อนหน้า ตอนนี้ปลามีอาการหนักมากๆ เห็นแล้วน่ากลัว แทบจะหมดกำลังใจ และ หมดหนทางในการเยียวยารักษา ด้วย “โรคเกล็ดพอง” (Burning Scales) ขั้นรุนแรง ขนาดที่เหนื้อเกล็ดทุกแผ่นลองเป็นเมือกดำเหมือนอักขณะภาษาขอม คล้ายกับว่าโดน “มนต์ดำ” เล่นงาน ในเวลานั้นผมมั่นใจว่าหากปล่อยอยู่กับคุณเก่งต่อไป คงจะต้องจากใจในเวลาไม่นาน แต่ผมก็เองไม่ได้มั่นใจว่าเมื่อผมเอามาอยู่กับผมแล้ว จะทำให้เขามีอาการดีขึ้นกว่านี้ได้หรือไม่ ?
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วผมก็ตัดสินที่จะช่วยรับปลาตัวนี้มารักษาด้วยตัวเอง ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือการย้ายปลา… เรื่องนี้หลายท่านเข้าใจว่าผมเป็นผู้ชำนาญในการโยกย้าย และวางยาปลา ครับ ส่วนตัวทำมาเยอะ ดังนั้นก็พอมีความรู้ ความเข้าใจอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่กับปลาที่มีสภาพแบบนี้ ดังนั้นครั้งนี้จึงถือเป็นงานหนักที่ต้องค่อยๆ ทำอย่างระมัดระวังตามขั้นตอนดังนี้
1. ต้อนปลาเข้าถุงใบใหญ่ที่เตรียมไว้ (ตอนนี้ปลาป่วยอยู่ อาจจะมีแรงขัดขืนไม่มาก)
2. วางยาสลบปลาในถุง รอระยะเวลา 5 นาทีให้ปลาเริ่มอ่อนแรง
3. ยกถุงปลาขึ้นจากตู้ จากนั้นก็ทำการ Packing ใส่อ๊อกซิเจน แล้วรีบกลับบ้าน
… ทุกอย่างดูยากรึเปล่าครับ ? ไม่ยากเลย แต่ว่าจะเป็นไปตามนั้นหรือไม่ ? ติดตามชมพรุ่งนี้ครับ วันนี้ผมต้องรีบไปทำงานแล้ว เดี๋ยวไม่ทันจะเสียงานหลัก ชีวิตที่มั่นคงจะแย่เอาได้ ขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่ติดตามอ่านกันอย่างต่อเนื่อง แล้วเจอกันใหม่ครับ
Nanconnection